"คณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน”
(ASEAN Intergovernmental Commission on Human Rights- AICHR) หรือ AICHR
จัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการโดยผู้นำอาเซียน ทั้ง ๑๐ ประเทศ ระหว่างการ
ประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ ๑๕ ณ ประเทศไทย เมื่อวันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๒
- ทำหน้าที่พัฒนาและส่งเสริมสิทธิของประชาชนในภูมิภาคอาเซียน
- สมาชิก AICHR ประกอบด้วยผู้แทนของแต่ละประเทศ โดยคัดเลือกจากกรรมการสรรหาอิสระ
AICHR ทำงานโดยมีการเชื่อมโยงประเด็นของ ๓ ส่วนหลักๆ คือ
- ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (Universal Declaration of Human Rights: UDHR)
- กฎบัตรอาเซียน (ASEAN Charter)
- ตราสารสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศในเรื่องอื่นๆ
กระบวนการการทำงานของ AICHR
1).การเจรจา การทำความเข้าใจ ตีความหมาย ขยายความ และสร้างบริบทที่สอดคล้อง
กับอาเซียน (Contextualization)
2).การสร้างความครอบคลุม (Comprehensiveness) ซึ่งก็จะมีข้อจำกัดเรื่องการสร้าง
ความจำเพาะเจาะจงของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
3).การสร้างมูลค่าเพิ่ม หรือความใหม่ (Novelty) นอกจากนั้นก็จะต้องเป็นประเด็นที่
เป็นฉันทามติร่วมของประเทศสมาชิกทั้งหมด โดยมีการใช้เทคนิควิธีต่างๆ เช่น การทำงาน
ร่วมกับประเทศต่างๆ ที่มีความเห็นร่วมกัน (Consensus)
จุดประสงค์ของ AICHR
1. เพื่อส่งเสริมและปกป้องสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนอาเซียน
2. เพื่อรักษาสิทธิของประชาชนอาเซียนที่จะอยู่อย่างสันติ มีศักดิ์ศรี และ เจริญรุ่งเรือง
3. เพื่ออุทิศที่จะตระหนักถึงจุดประสงค์ของอาเซียนที่บัญญัติไว้ในกฎบัตรอาเซียน
เพื่อที่จะสนับสนุนความมั่นคง ความเป็นมิตร ความร่วมมือระหว่างประเทศอาเซียน
ความปลอดภัย การทำมาหากิน สวัสดิการ และการมีส่วนร่วมของประชาชนอาเซียนในกระบวนการสร้างประชาคมอาเซียน
4. เพื่อสนับสนุนสิทธิมนุษยชนในบริบทของภูมิภาค รับรู้ถึงลักษณะเฉพาะทั้งระดับประเทศและระดับภูมิภาค เคารพในพื้นฐานทางศาสนา ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมที่แตกต่าง
5. เพื่อขยายความร่วมมือระดับภูมิภาคในลักษณะชื่นชมความพยายามระดับชาติและระดับนานาชาติในการสนับสนุนและปกป้องสิทธิมนุษยชน
6. ยืนยันในมาตรฐานสิทธิมนุษยชนระดับนานาชาติตามที่บัญญัติในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ปฏิญญาและแผนปฏิบัติการเวียนนา และส่วนสิทธิมนุษยชนระดับนานาชาติอื่นๆที่อาเซียนมีส่วนร่วม
สิ่งที่ท้าทายสำหรับ AICHR
- หลักการการทำงานของอาเซียน เช่น การไม่แทรกแซงกิจการภายใน, หลักฉันทามติ(consensus), การมีมิตรภาพ (friendship) แต่ไม่มีความไว้เนื้อเชื่อใจ (trust) ระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน
- หลายประเทศสมาชิกยังเป็นเผด็จการ และมีประเทศที่เป็นประชาธิปไตยเต็มใบจริงๆเพียงไม่กี่ประเทศ ทำให้อำนาจหน้าที่ของกลไกนี้ถูกตัดทอนจนไม่มีประสิทธิภาพ
- การสร้างความตระหนักเรื่องสิทธิมนุษยชน และ การตอบสนองต่อเรื่องการบังคับใช้(compulsory) ของหน่วย งานเฉพาะสาขา (sectoral body)
การจัดตั้งองค์กรสิทธิมนุษยชนในภูมิภาคอาเซียน
- ที่ประชุมสุดยอดอาเซียนได้กล่าวถึงประเด็นการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนมาตั้งแต่ พ.ศ. 2536 ซึ่งที่ประชุมได้ออกแถลงการณ์ร่วมระบุว่า “อาเซียนจะเคารพและปกป้องสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของมนุษย์ตามที่บัญญัติไว้อนุปริญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ”
- หลายประเทศมีปัญหาเรื่องสิทธิมนุษยชน แต่เพราะอาเซียนมีนโยบายไม่แทรกแซงการเมืองภายในของประเทศสมาชิก จึงทำให้การประสานงานด้านสิทธิมนุษยชนในอาเซียนยากขึ้น ส่งผลให้อาเซียนไม่มีมาตรการชัดเจนในการจัดการประเทศสมาชิกที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน
- องค์กรระดับชาติด้านสิทธิมนุษยชนที่จัดตั้งขึ้นนี้เป็นเหมือนหมาเฝ้าบ้านที่ไม่มีเขี้ยวเล็บแต่อย่างใด มีอำนาจเพียงเล็กน้อยในการสืบสวนสอบสวน
การจัดตั้งองค์กรสิทธิมนุษยชนในภูมิภาคอาเซียน
- อาเซียนไม่มีอำนาจหน้าที่ซึ่งจะให้รัฐอื่นๆไปจัดตั้งหน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชนเป็นเงื่อนไขของรัฐสมาชิกที่เข้ามาร่วมกับอาเซียนภายหลัง เช่น พม่า ลาว และกัมพูชา ประเทศเหล่านี้ควรจะต้องประสานงาน “วิธีการที่คล้ายคลึงกัน” ในเรื่องสิทธิมนุษยชน ซึ่งก็หมายความว่า ในทางปฏิบัตินั้นให้แต่ละรัฐบาลแสวงหาแนวทางของตนเอาเอง
- การจัดตั้งองค์กรนี้เป็นประเด็นยอดเยี่ยมในร่างของกฎบัตร แต่ประเทศ CLMV (กัมพูชา, ลาว, เวียดนาม, และเมียนม่าร์) ต่างก็คัดค้านกลไก ด้านสิทธิมนุษยชนที่กำหนดไว้ในกฎบัตร ว่าไม่มีการกำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจนให้สำหรับงานด้านการทูตของรัฐมนตรีในด้านสิทธิมนุษยชน
- รัฐที่เป็นรัฐอำนาจนิยมมีสิทธิคัดค้าน (Veto) เสียงเอกฉันท์ จึงเป็นไปได้ว่าเครื่องไม้เครื่องมือในการดำเนินการเรื่องสิทธิมนุษยชนจะไม่ได้รับการอนุมัติให้มีการเปลี่ยนแปลงปฏิบัติการด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศอาเซียนที่ไม่ได้เป็นประชาธิปไตย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น